นางกากนาสูร
กายสี
ม่วงแก่
อยู่ฝ่าย
ทศกัณฐ์
อาวุทที่ใช้
กระบอง
ประวัติย่อๆ
นางกากนาสูร
เป็นนางรากษกแห่งกรุงลงกา กายสีม่วงแก่ มีปากเป็นกา เป็นญาติชั้นยายของทศกัณฐ์
เป็นมารดาของสวาหุและมารีศ สามารถแปลงกายเป็นกาได้ ในพิธีอัญเชิญพระนารายณ์มาอวตาล
ทศกัณฐ์ได้ใช้ให้นางกากนาสูรไปนำข้าวทิพมาให้
แต่นางกากนาสูรสามารถนำมาได้แค่ครึ่งปั้นเท่านั้น
พอนางมณโฑได้กินแล้วได้ตั้งครรภ์และกำเนิดมาเป็นนางสีดา
เนื่องจากว่าทศกัณฐ์คิดอัจฉาพวกฤาษีที่มีตบะแข็งกล้า
จึงสั่งให้นางกากนาสูรไปก่อกวนพวกฤาษีทุกๆ ๗ วัน แต่นางกากนาสูรได้ถูกพระราม และ
พระลักษณ์ ปราบได้ในที่สุด
บทประพันธ์ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวทศพักตร์ยักษี
ครอบครองไพร่ฟ้าประชาชี เป็นปิ่นโมลีลงกา
ให้คิดอิ่มเอิบกำเริบฤทธิ์ ด้วยใจทุจริตอิจฉา
บัดนี้นักสิทธ์วิทยา ล้วนมีวิชากระลาไฟ
เหาะเหินเดินโดยอัมพร จะชุบศิลป์ศรก็ย่อมได้
จะมีสานุศิษย์ฤทธิไกร นานไปจะเป็นไพรี
อย่าเลยกูจะให้ทำลาย อันตรายพรตกรรมพระฤๅษี
ให้เสียการกิจพิธี ซึ่งมีอุตส่าห์ตบะญาณ ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏
คิดแล้วผินพักตร์มาบัญชา สั่งนางกากนาใจหาญ
ท่านจงพาพวกบริวาร ไปเที่ยวจังทานพระมุนี
ให้เสียกิจกรรมจำเริญพรต ทุกอาศรมบทพระฤๅษี
เจ็ดวันชวนกันไปโฉบตี อย่าให้มีสุขสถาพร ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
เจรจา
๏ บัดนั้น นางกากนาชาญสมร
รับสั่งท้าวยี่สิบกร บทจรออกจากท้องพระโรงคัล ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
เสมอ
๏
จึ่งเรียกฝูงนางบริวาร อันกล้าหาญฤทธิแรงแข็งขัน
เกลื่อนกลาดพื้นพงศ์กุมภัณฑ์ พร้อมกันนิมิตเป็นกา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
เจรจา
๏
ครั้นเสร็จจำแลงแปลงตน บินทะยานขึ้นบนเวหา
เสียงปีกกึกก้องโกลา ดั่งว่าอากาศจะทำลาย ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
แผละ
๏
มาถึงซึ่งอาศรมบท แห่งพระนักพรตทั้งหลาย
บินว่อนร่อนร้องวุ่นวาย ตาหมายฉาบโฉบลงมา
เย่อแย่งหลังคาอาศรม หักถล่มดั่งต้องพายุกล้า
ไล่ขยิกจิกตีพระสิทธา ฉวยเฉี่ยวชฎาวุ่นไป ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด
๏ เมื่อนั้น ฤๅษีโยคีน้อยใหญ่
เห็นกากนาบังอาจใจ โฉบไล่จิกตีจุลาจล
ต่างองค์ตระหนกอกสั่น วิ่งพะปะกันสับสน
ตื่นแตกแยกไปทุกตำบล อลวนไม่เป็นสมประดี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
เชิด
๏ บัดนั้น นางกากนาสูรยักษี
ครั้นเห็นคณะพระโยคี แตกหนีจากบรรณศาลา
ต่างตนรนร้องก้องกึก ครึกครั่นสนั่นไปทั้งป่า
แล้วพากันบินขึ้นเมฆา กลับไปลงกาเวียงชัย ฯ
จาก
บทละครเรื่องรามเกียรติ์ สมุดไทยเล่มที่ ๑๕

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น